ธนาคาร Attijariwafa สถาบันการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโมร็อกโก มีทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การดูแลมูลค่ากว่า 53.3 พันล้านดอลลาร์ ได้เข้าร่วมกับเครือข่าย RippleNet ตามรายงานล่าสุดที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว Boursenews
ธนาคาร Attijariwafa เข้าร่วมกับ RippleNet
การผูกมัดนี้จะช่วยให้ธนาคารสามารถทำธุรกรรมร่วมกันกับ RippleNet ได้ทันที
ธนาคาร Attijariwafa ยังได้ประกาศความร่วมมือกับ Thunes ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ในสิงคโปร์
RippleNet ยังได้เข้าร่วมกับพันธมิตรด้านการธนาคาร ได้แก่ Santander, Bank of America, IndusInd Bank, Banco Rendimento และอื่นๆ
เมื่อเดือนที่ผ่านมา คุณ Brad Garlinghouse ซีอีโอ ของบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน Ripple Labs ประกาศว่า “ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดของ Ripple ด้วยสภาพคล่องของโซลูชันการชำระเงินโดยใช้ XRP ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 1 ใน 4 ของธุรกรรมทั้งหมด“
คุณ Adnane Driouech หัวหน้าฝ่ายการจัดการเงินสดระหว่างประเทศของธนาคาร สาขา Rabat อธิบายว่าบล็อคเชนเป็นวิธีการโอนเงินที่ “รวดเร็วและไม่สามารถยักยอกได้“
ธนาคาร Attijariwafa ซึ่งมีหุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์คาซาบลังกา มีสาขามากกว่า 4,900 แห่งในสหราชอาณาจักร, จีน, มาดริด, ตูนิเซีย, และประเทศอื่นๆ
สถานะของ Ripple ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
Ripple มุ่งเน้นที่จะเปิดตลาดในกลุ่มประเทศ MENA มาหลายปีแล้ว ภูมิภาคตะวันออกกลางกลายเป็นสถานที่สำหรับหลาย ๆ บริษัทที่ต้องเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายภายในประเทศ
ในช่วงปลายปี 2018 ธนาคารแห่งชาติของคูเวตได้เปิดตัวบริการโอนเงินที่ขับเคลื่อนโดย Ripple เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ธนาคารแห่งชาติอียิปต์ได้เข้าร่วมเครือข่าย RippleNet
ในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อเดือนตุลาคม คุณ Brad กล่าวว่า ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดของ Ripple สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ไม่นานหลังจาก Ripple ได้ประกาศร่วมมือกับ Al Ansari Exchange บริษัทแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในดูไบ
ที่มา : u.today
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram
