ประเทศใดบ้างที่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซียจากการรุกรานยูเครน

ผู้นำชาติตะวันตกและเอเชียได้เปิดเผยมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพิ่มเติม หลังจากกองกำลังรัสเซียบุกยูเครน โดยมีประเทศ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ต่างพร้อมใจกันคว่ำบาตรมอสโค ในวันศุกร์ที่ผ่านมา

ท่ามกลางวิกฤตดังกล่าว ยูเครนเรียกร้องให้ชาติตะวันตกห้ามรัสเซียใช้บริการชำระเงิน SWIFT ซึ่งเป็นเครือข่ายความปลอดภัยสูงที่ช่วยเร่งการชำระเงินในสถาบันการเงินซึ่งมีสาขา ราวๆ 11,000 แห่งกว่า 200 ประเทศทั่วโลก

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เยอรมนีสั่งระงับการส่งมอบท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 หลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครน

อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอดูกันว่ามาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อรัสเซียจริง ๆ มากเท่ากับการคว่ำบาตรที่ประกาศโดยประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาหรือไม่

ประเทศใดบ้างที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซีย

ออสเตรเลีย

บรรดาผู้นำของออสเตรเลียประกาศ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะ “เริ่มกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมให้กับผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อมอสโกว และสมาชิกสภาดูมาของรัสเซียอีกกว่า 300 คน” ซึ่งเป็นรัฐสภาของพวกเขา

ในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน กล่าวเสริมว่า แคนเบอร์รากำลัง “ทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรคว่ำบาตรเพิ่มเติม ประกาศใช้ในชั่วข้ามคืนต่อบุคคลและหน่วยงานสำคัญของเบลารุสที่มีส่วนร่วมในการรุกราน”

นิวซีแลนด์

นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น กล่าวเมื่อวันศุกร์นี้ว่า พวกเขาจะลดการค้ากับรัสเซีย และสั่งห้ามมิให้เดินทางไปยังรัสเซียอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ เธอยังคงเรียกร้องให้เจรจาทางการฑูตอย่างสันติมากกว่าการใช้ความรุนแรง

นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น กล่าว

“เวลานี้ เราจะต้องดำเนินการโดยทันที”

นอกจากนี้ นิวซีแลนด์ยังห้ามมีการส่งออกสินค้าไปยังกองทัพรัสเซียและกองกำลังความมั่นคงเพื่อตอบโต้การรุกรานของยูเครน

ไต้หวัน

ไต้หวันประกาศว่า จะเข้าร่วมใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียโดยไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว

จากคำแถลงของ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าว “ประณามอย่างรุนแรง” กับการกระทำของรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (ไต้หวันเป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์)

สหภาพยุโรป

ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน และประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ออกมาตรการคว่ำบาตรใหม่ในช่วงเช้าของวันศุกร์ โดยให้คำมั่นว่ามาตรการคว่ำบาตรนี้ “จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจรัสเซียและชนชั้นสูงทางการเมือง”

เธอเสริมว่ามาตรการเหล่านี้ กำหนดเป้าหมาย 70% ของภาคการธนาคารของรัสเซียและบริษัทของรัฐที่สำคัญ และพยายามทำให้ “รัสเซียไม่สามารถอัพเกรดโรงกลั่นน้ำมันได้”

ญี่ปุ่น

นายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า

“ญี่ปุ่นจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อสถาบันการเงินของรัสเซีย องค์กรทางทหาร และบุคคลที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน”

มาตรการเหล่านี้ยังรวมไปถึง “การแช่แข็งทรัพย์สินบุคคลและสถาบันการเงินในรัสเซีย รวมถึงห้ามมีการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังองค์กรทางทหารของรัสเซีย”

คุณ คิชิดะ กล่าวเสริมว่า “ในการตอบสนองต่อสถานการณ์ดังกล่าว เราจะเสริมมาตรการคว่ำบาตรของเราในความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ G7 และชุมชนระหว่างประเทศที่เหลือ”

สหราชอาณาจักร

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ยืนยันเมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีว่า “สหราชอาณาจักรเตรียมคว่ำบาตรบุคคลและหน่วยงาน 100 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย”

ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา คุณ จอห์นสัน ย้ำว่ามีเป้าหมายเพื่อ “แยกธนาคารรัสเซียออกจากระบบการเงินของสหราชอาณาจักร”

สิ่งเหล่านี้รวมถึงการอายัดสินทรัพย์ในธนาคารของรัฐรัสเซีย VTB หลังจากการคว่ำบาตรขององค์กรการธนาคารของรัสเซีย 5 แห่งในวันอังคารที่ผ่านมา

นอกจากนี้ คุณ จอห์นสัน ยังกล่าวอีกว่า “ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านั้น” เมื่อพูดถึงการปิดการเข้าถึง SWIFT ของรัสเซีย

สหรัฐ

เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้แถลงมาตรการคว่ำบาตรขั้นรุนแรงต่อรัสเซีย โดยระบุว่า “ปูตินเลือกที่จะทำสงครามครั้งนี้”

มาตรการใหม่เหล่านี้จะรวมถึง “ธุรกิจส่งออกนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี” เขากล่าวว่า “จะจำกัดความสามารถของรัสเซียในการพัฒนาภาคการทหารและอวกาศของรัสเซียอย่างรุนแรง” ซึ่งประกอบไปด้วย

“เซมิคอนดักเตอร์ โทรคมนาคม การเข้ารหัสความปลอดภัย เลเซอร์ เซ็นเซอร์ ระบบการนำทาง avionics และเทคโนโลยีการเดินเรือ”

ทางการสหรัฐฯ ยังกล่าวด้วยว่า พวกเขาจะตัดบริษัทยักษ์ใหญ่ 13 แห่งออกจากการระดมเงินในสหรัฐฯ เพื่อเสริมมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งรวมถึง Gazprom ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานและ Sberbank ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ตามมา

ผลกระทบต่อตลาด Crypto

ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่รัสเซียดำเนินการ “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ส่งผลให้ตลาดสกุลเงินดิจิตอลทั้งหมดกลายเป็นสีแดง ตัวอย่างเช่น Bitcoin มูลค่าลดลงสู่ระดับต่ำสุดของเดือนอยู่ที่ 34,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ altcoins สูญเสียมูลค่าในตลาดถึงสองหลัก

ปัจจุบันราคา Bitcoin อยู่ที่ 39,000 ดอลลาร์ โดยมูลค่าตามราคาตลาดทั้งหมดเพิ่มขึ้นกว่า 150 พันล้านดอลลาร์และพุ่งสูงถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์

ที่มา : cryptopotato.com

สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram