Saturday, April 27, 2024
Homeข่าวสาร คริปโตข่าวต่างประเทศ‘โครงการ Stablecoin ต่าง ๆ ต้องทำงานร่วมกันมากขึ้น ไม่ใช่แข่งขันกันเอง’ ผู้ก่อตั้ง Frax Finance กล่าว

‘โครงการ Stablecoin ต่าง ๆ ต้องทำงานร่วมกันมากขึ้น ไม่ใช่แข่งขันกันเอง’ ผู้ก่อตั้ง Frax Finance กล่าว

ตราบใดที่ Stablecoin “สภาพคล่องเติบโตขึ้นตามสัดส่วนซึ่งกันและกัน” จะไม่มีการแข่งขันที่แท้จริงระหว่าง Stablecoin ต่าง ๆ คุณ Sam Kazemian จาก Frax Finance กล่าว

โครงการ Stablecoin ต่าง ๆ ต้องใช้แนวทางการทำงานร่วมกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและระบบนิเวศโดยรวมซึ่งกันและกัน คุณ Sam Kazemian ผู้ก่อตั้ง Frax Finance กล่าว

คุณ Kazemian พูดคุยกับทาง Cointelegraph อธิบายว่า ตราบใดที่ Stablecoin “สภาพคล่องเติบโตขึ้นตามสัดส่วนซึ่งกันและกัน” ผ่าน liquidity pools และรูปแบบหลักประกันที่ใช้งานร่วมกัน จะไม่มีการแข่งขันที่แท้จริงระหว่างกัน

FRAX stablecoin ของ Kazemian นั้น เป็น fractional-algorithmic stablecoin ที่มีส่วนของอุปทานที่หนุนโดยหลักประกันและส่วนอื่น ๆ ที่หนุนด้วยอัลกอริทึม

คุณ Kazemian อธิบายว่า การเติบโตของระบบนิเวศของ Stablecoin ไม่ใช่เกมที่ต้งอมีแพ้-ชนะ (zero-sum game) เนื่องจากแต่ละโทเคนมีความเกี่ยวพันกันมากขึ้นและพึ่งพาประสิทธิภาพของกันและกัน

FRAX ใช้ USD Coin (USDC) ของ Circle เป็นส่วนหนึ่งของหลักประกัน ส่วน DAI เหรียญ decentralized stablecoin ที่ดูแลโดย Maker Protocol ก็ใช้ USDC เป็นหลักประกันสำหรับโทเคนมากกว่าครึ่งในการหมุนเวียน เนื่องจาก FRAX และ DAI ยังคงขยายมูลค่าตามราคาตลาดต่อไป พวกเขาจึงอาจต้องการหลักประกัน USDC เพิ่มเติมอีก 

อย่างไรก็ตาม Kazemian ชี้ให้เห็นว่า หากโครงการใดโครงการหนึ่งตัดสินใจทิ้งโครงการอื่น อาจส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ

“ไม่ใช่เรื่องนิยมที่จะพูด แต่ถ้า Maker ทิ้ง USDC ของตน คงไม่ดีสำหรับ Circle เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับจากพวกเขา”

USDC เป็นกุญแจสำคัญ

เหรียญ Stablecoin ชั้นนำสามอันดับแรกตามมูลค่าตลาด ได้แก่ Tether (USDT), USDC และ Binance USD (BUSD) ส่วน DAI และ FRAX เป็นเหรียญ decentralized stablecoin ทั้งคู่ อยู่อันดับที่สี่และห้า

USDC เติบโตใหญ่สุดในปีที่ผ่านมาจากท่ามกลางทั้งสามเหรียญ โดยมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็น $55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เกือบอยู่ในขอบเขตที่ USDT เอื้อมถึง (ข้อมูลจาก CoinGecko)

Kazemian รู้สึกว่าการกระจายของ USDC ทั่วทั้งอุตสาหกรรมและเนื้อหาที่โปร่งใสมากขึ้นเกี่ยวกับการสำรอง น่าจะทำให้เป็นเหรียญ Stablecoin ที่มีค่าที่สุดในการทำงานร่วมกันภายในระบบนิเวศ

เขาเรียก USDC ว่าเป็น “โครงการนวัตกรรมมีนวัตกรรมต่ำและเสี่ยงต่ำ” และยอมรับว่าเป็นเลเยอร์พื้นฐานสำหรับนวัตกรรมเพิ่มเติมจากเหรียญ Stablecoin อื่น ๆ เขากล่าวว่า

“เราและ DAI เป็นเลเยอร์นวัตกรรมที่อยู่เหนือ USDC เช่นเดียวกับธนาคารแบบกระจายศูนย์ที่อยู่ด้านบนของธนาคารแบบเก่า”

เหรียญ Algo stablecoin ไม่เวิร์ก

แม้ว่า FRAX stablecoin เป็น  partially stabilized algorithmically แต่ Kazemian บอกวา่ algorithmic stablecoin ล้วน ๆ นั้น “ไม่เวิร์ก”

เหรียญ Algorithmic stablecoin อย่าง Terra USD (UST) ล่มสลายอย่างรวดเร็วในเดือนพฤษภาคม โดยตรึงผ่านอัลกอริทึมที่ซับซ้อนปรับอุปทานตามสภาวะตามตลาดมากกว่าหลักประกันแบบเก่า

การที่มีเหรียญ decentralized stablecoin ภายในเครือข่ายนั้น จำเป็นต้องมีหลักประกัน ไม่จำเป็นต้องมีหลักประกันมากเกินไปเช่น Maker แต่มันจำเป็นต้องมีหลักประกันจากภายนอก

เกลียวตายในระบบนิเวศ Terra ปรากฎชัดเมื่อ UST ซึ่งปัจจุบันจักกันในชื่อ USTC สูญเสียหมุดตรึงมูลค่า (Peg)

โปรโตคอลดังกล่าวเริ่มสร้างโทเคน LUNA ใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่ามีโทเคนเพียงพอรองรับ Stablecoin การออกอย่างรวดเร็วทำให้ราคา LUNA ซึ่งปัจจุบันรู้จักในชื่อ LUNC ตกต่ำ เกิดชนวนให้เทขายโทเคนจากรายย่อยอย่างสมบูรณ์ ทำลายความหวังการตรึงมูลค่าเอาไว้

ในช่วงหลายสัปดาห์นำไปสู่ UST หลุดตรึงมูลค่า (depeg) โดย Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Terraform Labs กล่าวว่าโครงการของเขาจำเป็นต้องหนุนด้วยหลักประกันรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BTC

“ในที่สุด แม้แต่ Terra ก็ตระหนักว่าโมเดลของเขาไม่เวิร์ก” คุณ Kazemian เสริมว่า “ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มซื้อโทเคนอื่น ๆ”

ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม Terra ขาย BTC ไปมูลค่า $3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Terra ได้ล้มเลิกโครงการอื่น ๆ ซึ่งรวมถึง DEI เหรียญ algo stablecoin จาก Deus Finance ก็ล้มเหลวในการตรึงมูลค่าเช่นกัน ในปัจจุบัน

ที่มา : cointelegraph.com

Sponsorspot_img
spot_img
spot_img
spot_img
ติดตาม Siambitcoin

ข่าวล่าสุด