Thursday, May 2, 2024
Homeข่าว AIAI Deepfake ที่สามารถผ่าน KYC ของ Exchange ได้ กำลังระบาดอย่างหนัก

AI Deepfake ที่สามารถผ่าน KYC ของ Exchange ได้ กำลังระบาดอย่างหนัก

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่สร้างความท้าทายใหม่ให้กับระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ หนึ่งในนั้นคือการใช้ AI “Deepfake” ที่สามารถสร้างวิดีโอ และเสียงปลอมซึ่งมีความสมจริงสูง เพื่อใช้หลอกลวงระบบยืนยันตัวตน (KYC)

ปัญหานี้กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดแลกเปลี่ยนคริปโท อย่างมาก
โพสต์ไวรัลล่าสุดบน X แสดงให้เห็นว่ามีผู้ไม่หวังดีกำลังใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส และเชิงพาณิชย์เพื่อแก้รูปหน้าตาของบุคคลด้วยเครื่องมือ AI ที่สร้างภาพพร้อม ID ปลอมเพื่อหลอกการตรวจสอบความปลอดภัยจำนวนมากในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเนียนสุดๆ

บัตรประจำตัวปลอมที่สร้างจาก AI หลีกเลี่ยงกระบวนการ KYC ของตลาดแลกเปลี่ยน

แพลตฟอร์มอย่าง OnlyFake แสดงให้เห็นถึงความง่ายที่ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ด้วยค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย $15, OnlyFake อ้างว่าสามารถผลิตใบขับขี่และหนังสือเดินทางปลอมสำหรับหลายประเทศ น่ากังวลคือมีรายงานที่แสดงให้เห็นว่าเอกสารปลอมเหล่านี้สามารถเลี่ยงการตรวจสอบ KYC ของตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำอย่างเช่น OKX, Kraken, Bybit รวมถึงสถาบันการเงินดั้งเดิมอย่าง PayPal ได้สำเร็จ

การสืบสวนชี้ให้เห็นว่าบัตรประจำตัวปลอมถูกนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์เลวร้ายที่หลากหลาย ตั้งแต่การหลอกลวงบุคคลที่ไม่ทันระวัง ไปจนกระทั่งการเปิดบัญชีเพื่อการดำเนินการฟอกเงิน

การต่อสู้ระหว่าง Deepfake และกลไกการรักษาความปลอดภัย

หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Binance ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความซับซ้อนของ ai deepfake และโอกาสที่มันจะสามารถหลอกลวงแม้แต่กระบวนการยืนยันตัวตนของมนุษย์ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าแม้แต่การตรวจจับวิดีโอแบบ real-time ก็ยังสามารถถูกหลอกโดยวิดีโอที่ถูกสร้างโดย AI ได้อย่างง่ายดาย

แนวทางรับมือกับปัญหานี้:

  • พัฒนาระบบ KYC ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
  • ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจจับ Deepfake
  • เพิ่มความร่วมมือระหว่างตลาดแลกเปลี่ยนคริปโท หน่วยงานกำกับดูแล และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย

อนาคตของ KYC:

  • เทคโนโลยี AI จะมีบทบาทสำคัญในการยืนยันตัวตน
  • จำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบ KYC ใหม่ ที่สามารถตรวจจับ Deepfake ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน เป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับปัญหานี้

บทสรุป:

ปัญญาประดิษฐ์กำลังสร้างความท้าทายใหม่ให้กับระบบ KYC ของตลาดแลกเปลี่ยนคริปโท จำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบใหม่และใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจจับ Deepfake เพื่อปกป้องตลาดแลกเปลี่ยนจากกิจกรรมผิดกฎหมาย

ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่
https://www.siambitcoin.com/

Sponsorspot_img
spot_img
spot_img
spot_img
ติดตาม Siambitcoin

ข่าวล่าสุด

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่สร้างความท้าทายใหม่ให้กับระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ หนึ่งในนั้นคือการใช้ AI "Deepfake" ที่สามารถสร้างวิดีโอ และเสียงปลอมซึ่งมีความสมจริงสูง เพื่อใช้หลอกลวงระบบยืนยันตัวตน (KYC) ปัญหานี้กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดแลกเปลี่ยนคริปโท อย่างมาก โพสต์ไวรัลล่าสุดบน X แสดงให้เห็นว่ามีผู้ไม่หวังดีกำลังใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส และเชิงพาณิชย์เพื่อแก้รูปหน้าตาของบุคคลด้วยเครื่องมือ AI ที่สร้างภาพพร้อม ID ปลอมเพื่อหลอกการตรวจสอบความปลอดภัยจำนวนมากในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเนียนสุดๆ https://twitter.com/0xMidnight/status/1743329641882947837?s=20 บัตรประจำตัวปลอมที่สร้างจาก AI หลีกเลี่ยงกระบวนการ KYC ของตลาดแลกเปลี่ยน แพลตฟอร์มอย่าง OnlyFake แสดงให้เห็นถึงความง่ายที่ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ด้วยค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย $15, OnlyFake อ้างว่าสามารถผลิตใบขับขี่และหนังสือเดินทางปลอมสำหรับหลายประเทศ น่ากังวลคือมีรายงานที่แสดงให้เห็นว่าเอกสารปลอมเหล่านี้สามารถเลี่ยงการตรวจสอบ KYC ของตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำอย่างเช่น OKX, Kraken, Bybit รวมถึงสถาบันการเงินดั้งเดิมอย่าง PayPal ได้สำเร็จ การสืบสวนชี้ให้เห็นว่าบัตรประจำตัวปลอมถูกนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์เลวร้ายที่หลากหลาย ตั้งแต่การหลอกลวงบุคคลที่ไม่ทันระวัง ไปจนกระทั่งการเปิดบัญชีเพื่อการดำเนินการฟอกเงิน การต่อสู้ระหว่าง Deepfake และกลไกการรักษาความปลอดภัย หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ...AI Deepfake ที่สามารถผ่าน KYC ของ Exchange ได้ กำลังระบาดอย่างหนัก